นับเป็นความเสี่ยงสำหรับสุภาพสตรี ที่ไปไหนมาไหนลำพังยามค่ำคืน ไหนจะต้องระวังจะถูกคนร้ายจี้ปล้น หรือที่ร้ายแรงก็ถูกฉุดไปข่มขืนใจ ยิ่งกับสาวๆ ที่ต้องทำงานกลางคืนหรือบรรดาสาวๆ นักดื่ม ที่กว่าผับบาร์จะเลิกก็ทั้งเหนื่อย ทั้งเมา หลายรายตัดสินใจลดความเสี่ยง ด้วยการเรียกรถแท็กซี่รับจ้างกลับบ้าน แต่กลับกลายเป็นเรื่องหนีเสือปะจระเข้



 เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่บช.น. พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.6 พ.ต.อ.เอนก ไพรศรี ผกก.สน.ดินแดง พ.ต.ท.ประพจน์ อนุศิริ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.ทองเปลว หาญไพบูลย์ สว.สส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมโชเฟอร์แท็กซี่ 2 ราย ที่ก่อเหตุชิงทรัพย์และขืนใจผู้โดยสารรวม 2 คดี



 คดีแรกจับกุม นายจีระวัฒน์ สิงโสดา อายุ 36 ปี ชาว อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในซอยอุดมสุข 22 แขวงและเขตบางนา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมเสื้อยืดคอปกสีเขียวลายขวาง 1 ตัว สร้อยเงิน 1 เส้น กระเป๋าหนังแบบผู้หญิงสีดำ 1 ใบ แหวนเงิน 1 วง บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต และเอกสารประจำตัวของผู้เสียหาย



 สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ว่าถูกโชเฟอร์แท็กซี่ก่อเหตุชิงทรัพย์ด้วยการข่มขู่ ขณะกำลังโดยสารมาที่บริเวณซอยบุญชูศรี แขวงและเขตดินแดง คนร้ายได้ทรัพย์สินเป็น กระเป๋าผู้หญิงแบบหนัง สีดำ ภายในมีเงินสด 7,000 บาท สร้อยเงิน แหวนเงิน บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม และเอกสารสำคัญหลายรายการ โดยผู้เสียหายสามารถจดจำรูปพรรณคนร้ายได้เป็นชายสวมเสื้อยืดคอปกลายขวางสี เขียวคาดขาว



 ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน. ดินแดง ได้เบาะแสคนร้ายนำบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปรูดจ่ายค่าน้ำมันและน้ำมัน เครื่อง ที่ปั๊มน้ำมันย่านถนนราชพฤกษ์ และถนนกัลปพฤกษ์ รวม 5 ครั้ง เป็นเงิน 9,850 บาท จึงไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าว พบคนร้ายขับรถแท็กซี่สีชมพูคาดน้ำเงิน ทะเบียน ทศ 8664 กรุงเทพมหานคร จึงสืบสวนกระทั่งทราบว่าคือนายจีระวัฒน์ ก่อนจับกุมตัวได้ดังกล่าว



 นายจีระ วัฒน์สารภาพว่า ตระเวนรับเหยื่อตามสถานบริการยามค่ำคืน ย่านสุขุมวิท เนื่องจากแต่ละรายจะอยู่ในอาการมึนเมาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จากนั้นพาขับออกนอกเส้นทางไปตามเส้นทางเปลี่ยวลับตาผู้คน ก่อนข่มขู่บังคับให้มอบทรัพย์สินของมีค่าแล้วขับหลบหนีไป ทรัพย์สินจำนวนหนึ่งจะนำไปขายให้ร้านรับซื้อภายในตลาดห้วยขวาง ก่อนนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน



 เจ้าตัวสารภาพอีกว่า เคยก่อเหตุมาแล้วทั้งหมด 9 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2558 ผู้เสียหายเป็นชายชาวญี่ปุ่น รับจากแยกอโศกมนตรี ได้โทรศัพท์มือถือไอโฟน 1 เครื่อง แว่นตาไซโก สีน้ำตาล พร้อมกล่อง ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2558 ผู้เสียหายเป็นชายไทย รับจากบริเวณเยื้องสถานทูตอเมริกา ได้โทรศัพท์มือถือซัมซุง เพาเวอร์แบงก์ และสายชาร์จ ส่วนที่เหลืออีก 7 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นโทรศัพท์ไอโฟน โดยจะนำไปขายในราคาประมาณ 1,000-2,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพการ ใช้งาน



 เมื่อตรวจสอบประวัติพบว่าเคยก่อเหตุยักยอกทรัพย์ในพื้นที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา



 ส่วนอีกคดีจับกุม นายอาคม ชินดา อายุ 39 ปี ชาว ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น พร้อมรถแท็กซี่โตโยต้า สีส้ม ทะเบียน ทร 4119 กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมตัวที่กลางซอยตลาดขวัญพัฒนา แขวงและเขตดินแดง เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา



 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 03.00 น. รับแจ้งจากหญิงสาวรายหนึ่งว่าถูกขืนใจในโรงแรมย่านสามเหลี่ยมดินแดง จึงไปตรวจสอบพบ ผู้เสียหายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุดื่มสุราจนเมาและโบกรถแท็กซี่คันหนึ่งมาจากย่านซอยนานา ให้ไปส่งที่ย่านพระโขนง เมื่อขึ้นรถมาได้สักพักก็หลับไป มารู้ตัวอีกทีพบว่าอยู่ในโรงแรมดังกล่าวแล้ว



 เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในโรงแรม พบรถแท็กซี่คันดังกล่าวขับเข้ามาภายในโรงแรม จากนั้นสืบทราบว่ามีนายอาคมเป็นคนขับ จึงขออนุมัติหมายศาลจับ กระทั่งตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพจึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี



 พล.ต.ท. ศานิตย์ ฝากเตือนไปยังประชาชนที่ต้องใช้บริการแท็กซี่ในช่วงเวลาดึกว่า ควรใช้ความระมัดระวังให้มาก เพราะผู้ต้องหาเหล่านี้จะเลือกเหยื่อที่ดื่มสุราจนขาดสติไม่สามารถช่วยตัว เองได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้หญิงมาคนเดียวยิ่งง่ายต่อการก่อเหตุเป็นอย่างยิ่ง