~~ นักวิชาการชี้ "อยุธยา" ไม่ใช่ราชธานีแห่งที่ 2 ของไทย!? ด้วยเหตุผลที่เถียงไม่ออก ยิ่งรู้ยิ่งช็อก! แทบเผาตำราเรียนทิ้ง!!

วันนี้ (8 ก.ค.) เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายในชั่วพริบตา หลังแฟนเพจ เมด อิน อุษาคเนย์ ได้โพสต์บทความของ สุจิตต์ วงษ์เทศ นักเขี...


วันนี้ (8 ก.ค.) เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายในชั่วพริบตา หลังแฟนเพจ เมด อิน อุษาคเนย์ ได้โพสต์บทความของ สุจิตต์ วงษ์เทศ นักเขียนรางวัลศรีบูรพา ประจำปี พ.ศ. 2536 เรื่อง ประวัติศาสตร์อยุธยา ต้องทบทวนใหม่ ไม่ใช่ราชธานีแห่งที่สอง เพราะไม่เคยมีแห่งแรกที่สุโขทัย ที่ถูกเผยแพร่ลงในมติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2559 ที่กล่าวถึงความเป็นมาของประวัติศาสตร์ชาติไทย ในอีกมุมหนึ่งที่แตกต่างจากที่เราเรียนมากันอย่างสิ้นเชิง



ก่อนหน้านี้ เรื่องราวประวัติศาสตร์ไทยที่เราต่างได้เรียนรู้มามักระบุว่า อาณาจักรอยุธยานั้นถูกสร้างมาอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีเครือญาติทางชาติพันธุ์และภาษาอยู่เลย เป็นเพียงคน “ไทยแท้” ที่อพยพมาจากอัลไต หรือ น่าเจ้าอย่างไร้เหตุผลสนับสนุน ซึ่งแท้จริงแล้ว สมควรยกเลิกการนำข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเช่นนี้มาใส่ไว้ในประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งทำความเข้าใจใหม่ตามหลักฐานแท้จริงที่ปรากฏ กล่าวคือ




– คนไทยไม่ได้อพยพมาจากเขาอัลไต
– สุโขมัยไม่ใช่ราชธานีแห่งแรกของไทย เนื่องจากในสมัยนั้นยังไม่มีประเทศไทย
– อยุธยาไม่ใช่ราชธานีแห่งที่สองของไทย ที่ถูกสร้างขึ้นหลังอาณาจักรสุโขทัยล่มสลาย เนื่องจากความจริงแล้ว อาณาจักรอยุธยามีความเป็นมายาวนานกว่าสุโขทัย รวมถึงมีส่วนสนับสนุนให้สุโขทัยเกิดรัฐอีกด้วย
– “คนไทยแท้” ไม่มี เนื่องจากคำว่า “ไทย” และ “คนไทย” เป็นชื่อทางวัฒนธรรม ไม่ใช่ชื่อทางเชื้อชาติ
– กลุ่มคนที่เรียกตนเองว่า “ไทย” หรือ “คนไทย” เพิ่งปรากฏหลักฐานเมื่อประมาณ พ.ศ. 1800 แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ภาคกลาง โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่อยุธยา
จึงมีการตั้งข้อสังเกตบทความในหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2558 หน้า 75) ที่ระบุว่ามีคนไทยในยูนนาน แล้วอพยพเคลื่อนย้ายลงมาทางใต้นั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าคนไทยอยู่ส่วนไหนของยูนนาน เพราะที่สิบสองปันนามีแต่ชาวลื้อ (ชาวไต หรือไท) ที่ไม่ได้เรียนตัวเองว่า “ไทย”

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายส่วน ที่ขัดแย้งกับเรื่องราวในตำราประวัติศาสตร์ และชวนให้สงสัยว่าตกลงแล้วความจริงคืออะไรกันแน่? จนชาวเน็ตต่างให้ความสนใจและเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย!!

ที่มา:http://www.thesunz.com/60680

You Might Also Like

0 comments

Online