เลวจริงๆ !! ตำรวจคุมตัวหญิงวัย 41 ต้องสงสัย ลงมือแทงทารกฝังดิน ล่าสุดโดนแบบนี้แล้ว

จากกรณี แม่ใจร้ายคิดฆ่าลูกชายแรกเกิดด้วยการใช้ของมีคมแทงตามร่างกาย 14 จุด นำไปฝังดิน แต่โชคดีเด็กรอดตายหวุดหวิด เพราะมีคนมาเจอและนำตัวส่ง ...

จากกรณี แม่ใจร้ายคิดฆ่าลูกชายแรกเกิดด้วยการใช้ของมีคมแทงตามร่างกาย 14 จุด นำไปฝังดิน แต่โชคดีเด็กรอดตายหวุดหวิด เพราะมีคนมาเจอและนำตัวส่ง รพ.ขอนแก่น แพทย์ช่วยเหลือชีวิตไว้ได้  ส่วนตัวแม่ใจทมิฬตำรวจเร่งติดตามหาตัวเพื่อดำเนินคดีนั้น






ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ก.พ. พล.ต.ต.จิตรจรูญ  ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุภากร  คำสิงห์นอก รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.ท.ภาคภูมิ  พิสมัย รอง ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น ได้มาที่หอผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤต 1 อาคาร 11 รพ.ขอนแก่น ที่รักษาเด็กชาย ไอดิน ซึ่งพยาบาลได้ตั้งชื่อให้ เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. โดยผู้ป่วยเป็นทารกแรกเกิดถูกชาวบ้านพบถูกฝังดิน มีบาดแผลคล้ายถูกของมีคมตามลำตัวบริเวณหน้าอกด้านขวาและท้อง 14 แผล มีลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแวงใหญ่ และส่งมารักษาต่อที่โรงพยาบาลขอนแก่น ณ หอผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤต 1 โดย น.พ.ชาญชัย  จันทรวรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น และ แพทย์พยาบาลประจำคนไข้ที่ได้ตั้งชื่อเด็กทารกว่า “น้องไอดิน” ให้การต้อนรับ และ พาเข้าไปเยี่ยมเด็กถึงตู้เด็กที่ควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม


น.พ.ชาญชัย  กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ 3 ที่ “น้องไอดิน” ได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.ขอนแก่น น้องรู้สึกตัวดี ใส่ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังเริ่มลดเครื่องช่วยหายใจ และเปลี่ยนตำแหน่งใส่สายระบายลมจากช่องเยื่อหุ้มปอด เนื่องจากภาพถ่ายรังสีทรวงอกยังมีลมที่ช่องเยื่อหุ้มปอด ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ ยังงดน้ำและอาหาร ให้สารละลายและยาปฏิชีวนะ 3 ชนิดทางหลอดเลือดดำ ไม่มีภาวะซีด มีปัญหาโปตัสเซียม และน้ำตาลในเลือดต่ำ ได้รับการแก้ไขแล้ว แผนการรักษาคือเฝ้าระวังภาวะติดเชื้อและลดเครื่องช่วยหายใจ




อย่างไรก็ตาม มีโทรศัพท์จากผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือเด็กทารก “น้องไอดิน” เป็นจำนวนมาก จึงขอเรียนให้ทราบว่า ทางโรงพยาบาลขอนแก่นไม่มีการจัดตั้งกองทุนใดๆ แต่หากประสงค์จะบริจาคโรงพยาบาลขอนแก่น ยินดีรวบรวมสิ่งของบริจาค เพื่อส่งต่อให้กับหน่วยงานสุดท้ายที่จะรับเด็กคนดังกล่าวไปอุปการะต่อไป



ด้าน พล.ต.ต.จิตรจรูญ  ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เปิดเผยถึงการติดตามคนร้ายที่ทำร้าย “น้องไอดิน” ว่า ตำรวจที่มีชุดสืบสวน บก.สส.3 ภ.4 ,ภ.จว.ขอนแก่น และ สภ.แวงใหญ่ ทำงานประสานกันแบบคลุมพื้นที่ในรัศมีไม่เกิน 10 กิโลเมตร โดยยึดจุดพบทารกแรกเกิดที่ถูกฝังดินในเขตบ้านโนนสวรรค์ ต.คอนฉิม อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น เพื่อสืบสวนหาพ่อแม่และบุคคลที่ต้องสงสัยคาดว่าเป็นคนใกล้เคียงพื้นที่ที่ทารกถูกฝังดิน แม้ว่าจุดดังกล่าวได้พบเลือกที่ใบไม้และทิชชูที่ใช้เช็ดเลือดทิ้งอยู่ และ เสื้อยืดสีชมพูที่ห่อตัวทารกขณะถูกฝังดิน ที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน



พล.ต.ต.จิตรจรูญ กล่าวอีกว่า เมื่อบ่ายวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ตำรวจได้เชิญผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 42 ปี มีบุตรมาแล้ว 3 คน  เป็นราษฎรใน อ.แวงใหญ่ มีบ้านพักอยู่ห่างจากจุดที่พบ “น้องไอดิน” ประมาณ 2 กม. ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแม่เด็กที่ใช้ของมีคมทิ่มแทง และนำเด็กแรกเกิดฝังดินในที่ดังกล่าว ซึ่งมีชาวบ้านให้เบาะแส ว่าได้เห็นว่า หญิงคนดังกล่าวตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน หลังจากที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นผู้หญิงคนนี้ก็อยู่แต่ในบ้านไม่ยอมไปไหน



โดยเจ้าหน้าที่ได้เรียกผู้หญิงคนนี้มาสอบปากคำที่ สภ.แวงใหญ่ แบบปิดห้องสอบสวนนานกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมกับบอกว่าได้ตั้งครรภ์ครบ 9 เดือนจริง เมื่อเข้าห้องน้ำเกิดเจ็บท้องรุนแรงจนแท้งลูกในครรภ์ ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กทารกที่พบอยู่ในป่ายูคาลิปตัสตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปให้แพทย์ รพ.ศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น ตรวจดีเอ็นเอ. เพื่อเปรียบเทียบว่าจะตรงกับน้องไอดินหรือไม่ ตอนนี้ผู้หญิงคนดังกล่าวได้ปล่อยตัวไปก่อน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยติดตามดูพฤติกรรมตลอด 24 ชั่วโมง



วันเดียวกันเมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.บุญเลิศ  ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.รัฐพงษ์  ยิ้มใหญ่ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.จิตรจรูญ  ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน บก.สส.ภ.4 , ภ.จว.ขอนแก่น และ ผกก. สภ.พล สภ.แวงน้อย สภ.แวงใหญ่ สภ.ชนบท และ สภ.หนองสองห้อง ได้มาประชุมความคืบหน้าคดีประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นได้ลงพื้นที่จำลองเหตุการณ์ความน่าจะเป็นก่อนที่จะมีการพบเด็กแรกเกิดในที่ดังกล่าว




พล.ต.ท.บุญเลิศ กล่าวว่า  หญิงที่เป็นผู้ต้องสงสัย ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ อย่างน้อยต้องใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน ดังนั้น หญิงคนนี้ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ต้องอยู่ในการจับตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนกว่าจะได้ผลดีเอ็นเอ  ทั้งนี้ การสืบสวนสอบสวนไม่ได้ตั้งเป้าไปที่ผู้หญิงคนดังกล่าวเพียงคนเดียว ยังได้ติดตามสืบสวนหาบุคคลที่ต้องสงสัยรายอื่นๆอีก โดยเฉพาะอยู่ในรัศมีไม่เกิน 2 กม.จากจุดที่พบทารก และเชื่อว่าคดีนี้ไม่ยากเกินไปที่จะตามหาตัวคนร้าย
http://www.siamupdate.com/news-181405

You Might Also Like

0 comments

Online